พี่เลี้ยงเด็กที่ดี ควรส่งเสริมพัฒนาการลูกได้
พี่เลี้ยงเด็กที่ดี ควรส่งเสริมพัฒนาการลูกได้
- ควรมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เพื่อให้มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ในระดับหนึ่ง
- สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคติดต่อ
- มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กมาก่อน เพราะพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์จะมีความเข้าใจในธรรมชาติของเด็กมากกว่า พี่เลี้ยงเด็กจะต้องสามารถสื่อสาร รับรู้อารมณ์ ความต้องการของเด็กและตอบสนองได้ถูกต้อง
- รักเด็ก อ่อนโยน ใจเย็น รักความสะอาด
- มีมารยาทที่ดี เพราะสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกได้ เช่น พูดเพราะ ไม่ก้าวร้าว เป็นต้น
- ช่างสังเกต สามารถรายงานพฤติกรรมของลูกให้คุณทราบ และหากลูกมีอาการเจ็บป่วยต้องสามารถดูแลหรือแจ้งคุณแม่อย่างเร็วที่สุด
- ต้องไว้ใจได้ว่าลับหลังคุณแล้ว เขาจะไม่ได้ทอดทิ้ง หรือแม้แต่ทำร้ายเด็กทั้งทางร่างกายหรือจิตใจ
- สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก เล่นกับเด็กตามพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงอายุได้ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญ เพราะหากพัฒนาการของลูกได้รับการส่งเสริมในระหว่างวัน แทนที่จะรอคุณแม่มาส่งเสริมเองเมื่ออยู่กับลูก จะส่งผลดีกับพัฒนาการลูกมากกว่า
ช่วงที่หาพี่เลี้ยงเด็ก คุณแม่ควรสัมภาษณ์อย่างละเอียดถึงประวัติและสังเกตบุคลิกลักษณะ หรือหากมีโอกาสได้พูดคุยกับนายจ้างเก่า ก็สามารถช่วยให้หาพี่เลี้ยงเด็กที่ดีได้ส่วนหนึ่งค่ะ
ทำไมการส่งเสริมพัฒนาการเด็กจึงสำคัญ
เหตุผลของการที่พี่เลี้ยงเด็กมีความรู้และสามารถส่งเสริมพัฒนาการลูกได้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า สมองเด็กมีการเจริญเติบโตสูงสุดถึง 85% ในช่วงตั้งครรภ์ ถึง 3 ปีแรก ดังนั้นการกระตุ้นสมองเด็กด้วยวิธีการที่เหมาะสมตั้งแต่เล็กๆ จึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สมองของเด็กได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
เด็กๆ นั้นรู้จักการเล่นตั้งแต่เล็ก และพัฒนาการเล่นมากขึ้นตั้งแต่ตื่นจนหลับ การเล่นจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซลล์สมองเชื่อมประสานกันมากขึ้น เยื่อหุ้มใยประสาทหนามากขึ้น เป็นส่วนสำคัญของพัฒนาการด้านต่างๆ เด็กๆ ควรได้ทำกิจกรรมที่เหมาะกับวัยเพราะจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์ และช่วยพัฒนาสมองของเขา
เพื่อประโยชน์ที่ลูกจะได้รับ คุณแม่จึงควรพูดคุยกับพี่เลี้ยงเด็กถึงกิจกรรมที่สามารถนำไปส่งเสริมพัฒนาการของลูกในแต่ละวัน
ตัวอย่างกิจกรรมที่พี่เลี้ยงเด็กสามารถนำไปส่งเสริมเด็กได้
กิจกรรม |
รายละเอียดกิจกรรม |
พัฒนาการที่ได้รับการส่งเสริม |
เล่นนอนหงายกันดีกว่า |
จับเด็กนอนหงาย ผู้ใหญ่ยิ้ม พูดคุย ร้องเพลงกับเขา โดยห่างจากใบหน้าเด็กประมาณ 20 ซม. จากนั้นผู้ใหญ่ค่อยๆ เลื่อนใบหน้าของตัวเองช้าๆ ไปทางด้านใดด้านหนึ่ง เช่น จากจมูกของเด็ก เอียงไปหูซ้าย จากจมูกเอียงไปทางหูขวา จากจมูกไปทางคาง จากจมูกไปทางหน้าผาก | การเล่นนี้ช่วยกระตุ้นการมองเห็นของเด็ก เด็กวัยตั้งแต่ 1-2 เดือนขึ้นไปสามารถยิ้มตอบ นำมือทั้งสองข้างเข้าหากัน จ้องมองและกลอกตาตามใบหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าได้ |
กระตุ้นการเอื้อมคว้า |
จับเด็กนอนหงาย… – ผู้ใหญ่ถือของเล่นตรงหน้าเด็ก – เอาของเล่นเสี่ยงกรุ๋งกริ๋งใส่มือเด็ก |
เด็กสามารถ… * เอื้อมมือคว้าของเล่นที่อยู่ตรงหน้า หรือขยับขาเตะของเล่นไปมา * เด็กสนุกกับการปล่อยของตกจากมือ เขย่าของเล่น หรือเอาเข้าปาก กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดและสติปัญญา |
นุ่มบ้าง แข็งบ้าง หยาบบ้าง |
ใช้มือเด็กจับกระดาษทราย กระดาษแก้ว กระดาษลูกฟูก สำลี ผ้าแบบต่างๆ ลูกบอล บล็อกไม้ ฯลฯ และสิ่งของที่มีผิวสัมผัสต่างๆ กันให้เขาได้สัมผัส โดยอาจเอาไปสัมผัสที่ผิวลูก ที่แก้ม ที่ฝ่าเท้า | กิจกรรมการเล่นนี้ จะช่วยให้เด็กรู้จักสิ่งของที่มีพื้นผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านความคิดและสติปัญญา |
นอนคว่ำกัน |
จับเด็กนอนคว่ำ ผู้ใหญ่พูดคุย ร้องเพลงกับลูก หรือถือของเล่นสีสดใส มีเสียง เช่น ลูกบอลสีสด กรุ๋งกริ๋ง เป็ดเหลืองบีบโบกไปมาช้าๆ | การเล่นนี้ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย โดยเด็กสามารถ… * หันศีรษะไปซ้ายบ้าง ขวาบ้างได้เอง * หันศีรษะมองตามวัตถุที่เคลื่อนไหว หรือมองตามที่มาของเสียงได้ * ยันตัวขึ้นด้วยท่อนแขน ยกศีรษะ และหน้าอกขึ้นได้ * เริ่มพลิกตัวตะแคงหรือหงายตัวได้ |
คืบๆ คลานๆ |
หาของเล่นที่เขย่าแล้วเกิดเสียง จากนั้นค่อยๆ ขยับของเล่นให้เด็กคืบคลานตาม | กิจกรรมนี้ช่วยพัฒนาการเคลื่อนไหวของเด็กที่เริ่มคืบได้ หากพบสิ่งที่น่าเล่น น่าค้นคว้า น่าเรียนรู้ เขาก็จะคืบไปหา เพื่อสำรวจ หยิบ จับ หรือคว้าเข้าปากเล่น พัฒนาการด้านความคิดและสติปัญญา สังคม และอารมณ์ก็ดีมากขึ้นด้วย |
เล่นเรียกชื่อ |
จับเด็กนั่งตัก จากนั้นจับส่วนต่างๆ บนหน้าของเขาพร้อมทั้งเรียกชื่อไปด้วย * เลือกสัมผัสส่วนต่างๆ บนใบหน้าของเด็กสองส่วน โดยแต่ละครั้งต้องพูด “จมูกของ… (ชื่อเด็ก)” “แก้มของ…(ชื่อเด็ก)” ทำอย่างนี้ซ้ำหลายๆ ครั้ง * จับมือของเด็กมาจับหน้าผู้ใหญ่บ้างพร้อมพูดนำ “จมูกของ…” “แก้มของ…” จากนั้นให้ถามเด็กว่า “จมูกของ…(ชื่อเด็ก) อยู่ไหน” แล้วจับมือเด็กไปจับจมูก พร้อมกับพูดว่า “อยู่นี่ไง” อย่าลืมพูดซ้ำในแต่ละส่วนของใบหน้า |
เด็กจะเริ่มรู้จักชื่อตัวเอง มีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาของลูก
เด็กจะเริ่มรู้จักส่วนต่างๆ ของร่างกาย เป็นการช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาและด้านความคิดและสติปัญญา |
อ่านหนังสือให้ฟัง |
อ่านหนังสือนิทานหรือหนังสือที่มีคำคล้องจองให้เด็กฟังในเวลาที่เด็กดูผ่อนคลาย สบายๆ หรือตอนอาบน้ำ (หนังสือลอยน้ำ) หรือก่อนนอน | กิจกรรมนี้จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษา สังคมและอารมณ์ ความคิดและสติปัญญาให้เด็ก แม้เด็กจะยังเล็กก็สามารถอ่านหนังสือให้เขาฟังได้ และควรอ่านทุกวัน เพื่อให้เด็กคุ้นเคยกับการอ่าน |
อย่างไรก็ตาม แม้พี่เลี้ยงเด็กจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเลี้ยงดูลูกมากขึ้น แต่ลูกก็ยังต้องการความรักและความใกล้ชิดจากคุณพ่อคุณแม่มากกว่าใคร ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาอยู่และเล่นกับลูกให้มากที่สุดนะคะ