8เคล็ดลับ รักษาความสะอาดห้องครัวเพื่อสุขอนามัยที่ดี
ความสะอาดในห้องครัวเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง! เพราะเป็นสถานที่ที่เราต้องใช้ประกอบอาหาร แล้วทานเข้าไปทุกวัน ถ้าหากปล่อยให้สกปรก อาหารที่เรากินเข้าไปก็จะไม่ปลอดภัย อาจจะมีเชื้อโรคติดเข้าไป และอาจทำให้เราเป็นโรคร้ายแรงได้
ดังนั้น มาป้องกันไว้ดีกว่าปล่อยแล้วแก้ทีหลังดีกว่า! เริ่มดูแลความสะอาดให้กับห้องครัวเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขอนามัยของคุณและคนที่คุณรัก
และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้ทุกคนมีสุขอนามัย ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี วันนี้เราจึงได้เลือกนำเสนอ 8 เคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลความสะอาดห้องครัว ลองมาดูกันเลยว่ามีวิธีไหนบ้าง ดูแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติจริงด้วยนะคะ
1. ห้องครัวต้องมีที่ระบายอากาศ
คุณอาจใช้วิธีทำหน้าต่างบานเกล็ด ทำพัดลมระบายอากาศ หรือเปิดหน้าต่าง-ประตูทิ้งไว้ขณะทำอาหารก็ได้ เพื่อให้อากาศได้ถ่ายเทเข้าออก และกลิ่นอาหารได้ระบายออกไปข้างนอกบ้าง เพราะถ้าหากปล่อยให้สะสมอยู่ในบ้านนานๆ จะเกิดกลิ่นเหม็นได้ และนั่นจะพลอยทำให้คุณรู้สึกว่าห้องครัวไม่สะอาดไปด้วย
2. อย่าหมักถ้วยชามเอาไว้เป็นกองภูเขา
ล้างถ้วย จาน ช้อน ส้อม ทุกครั้งหลังทานอาหารเสร็จ หลายคนอาจขี้เกียจ ชอบทิ้งไว้ในอ่างล้างมือ คิดว่าค่อยมาล้างทีหลัง แต่สุดท้ายแล้วก็มักไม่ได้ล้าง กลายเป็นทิ้งหมักไว้กองเท่าภูเขา ผลที่ตามมาคือเศษอาหารเน่าจนเกิดกลิ่นเหม็นหึ่งและมีแมลงหวี่มาตอม และแมลงหวี่เหล่านี้สามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วมาก ยิ่งมีเศษอาหารทิ้งๆเหลือๆยิ่งสะดวกทางพวกมัน พวกมันจะวางไข่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ถัดจากไข่ก็กลายเป็นหนอน และกลายเป็นแมลงหวี่บินตอมเศษอาหารไปมา น่าขยะแขยงสุดๆ! เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ก็อย่าขี้เกียจล้างจานเป็นอันขาด
3. ใช้วัตถุดิบบางชนิดช่วยดับกลิ่น
เช่น เอาเปลือกมะนาว เปลือกส้ม หรือกลีบหัวหอมไปต้มไฟอ่อนๆ กลิ่นที่ได้ออกมาจากตรงนี้จะสามารถดับกลิ่นเหม็นต่างๆนานาในครัวได้
หรือถ้าหากใครอยากให้สะดวกกว่านี้ ก็อาจเลือกใช้น้ำหอมปรับอากาศชนิดแผ่นแทนได้ ซื้อมาสักแผ่นแล้วเอามาแขวนในห้องครัว เพราะน้ำหอมปรับอากาศแบบแผ่นกลิ่นจะไม่ฉุนเท่ากับแบบน้ำ เหมาะสำหรับสถานที่ประกอบอาหารอย่างห้องครัว
4. ควรโละตู้เย็นบ้างเป็นครั้งคราว
ดีที่สุดคืออาทิตย์ละครั้ง ลองตรวจดูว่ามีอาหารอะไรที่เน่า บูด หรือไม่ได้กินนานมากแล้วบ้าง ถ้าตรวจเจอควรเอาไปทิ้งเสีย เพราะอาหารที่เสียแล้วจะส่งกลิ่นกวนอาหารอย่างอื่นในตู้เย็นได้ นอกจากนี้ถ้าหากมีราขึ้นด้วยจะยิ่งอันตรายมาก
5. ทำความสะอาดเขียงไม้อย่างถูกวิธี
เขียงไม้จะทำความสะอาดยากกว่าเขียงพลาสติก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้หั่นอาหารที่มีกลิ่นฉุนๆอย่างหัวหอม หรือกระเทียม การใช้แค่น้ำยาล้างจานอาจไม่ได้ผล เราขอแนะนำให้ลองใช้น้ำส้มสายชูแทนดูก่อน จะกำจัดกลิ่นได้ดีกว่า
6. กำจัดกลิ่นอาหารที่อยู่ในกล่องพลาสติก
กล่องใส่อาหารแบบพลาสติก บางครั้งหลังจากเอามาล้างแล้วก็ยังมีกลิ่นอาหารอยู่ วิธีแก้คือให้ลองเอากระดาษหนังสือพิมพ์ยัดเข้าไปข้างใน แล้วทิ้งไว้สัก 1 คืน รุ่งเช้ากลิ่นจะหายได้
7. ควรมีสบู่สูตรฆ่าเชื้อโรคติดไว้ในครัวด้วย
จะเป็นสบู่ก้อน สบู่เหลว หรือสบู่โฟมก็ได้ ไว้ใช้สำหรับล้างมือหลังประกอบอาหารเสร็จ นอกจากนี้ยังอาจเอาผสมกับน้ำ ใช้ผ้าขนหนูชุบ แล้วเช็ดเคาน์เตอร์ หรือรอบๆเตาทำอาหารให้สะอาดก็ได้
8. เอาดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมๆเข้ามาประดับ
เช่น อาจจะตัดกุหลายเข้ามาปักแจกันสักช่อสองช่อ จะได้กลิ่นหอมที่เป็นธรรมชาติ และยิ่งหมั่นรักษาความสะอาดในห้องครัวควบคู่กันไปด้วย รับรองได้ว่าจะไม่มีกลิ่นเหม็นมากวนใจแน่นอน
Cr.ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก homify.co.th
เป็นยังไงบ้าง ไม่ยากใช่ไหม? กับวิธีการทำความสะอาดห้องครัวให้ได้สุขอนามัยที่ดี
สำหรับแม่บ้านมาซากิ” จัดหาแม่บ้านที่ดีที่สุด เพื่อคุณ งานบ้าน…งานที่น่าปวดหัวสำหรับใครหลายคน ซึ่งในแต่ละวันนอกจากคุณจะต้องจัดการกับหลากหลายภาระเรื่องงาน และครอบครัวแล้วยังต้องแบ่งเวลาเพื่อสวมบทแม่บ้านที่ต้องดูแลบ้าน ไม่ว่าจะเป็น งานปัดกวาด เช็ดถู ซักรีด รวมถึงการทำกับข้าว ยังต้องทำภายใต้ระยะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด แถมยังต้องต่อสู้กับความเหนื่อยล้าของร่างกายในแต่ละวันอีกด้วย สามารถเลือกใช้บริการกับทางแม่บ้านมาซากิ หาแม่บ้าน พี่เลี้ยงเด็ก คนดูแลผู้สูงอายุ
สนใจใช้บริการติดต่อได้ที่
โทร : 063-104-5657
Line : @masaki2013
10เคล็ดลับ การเลี้ยงเด็กให้มีพัฒนาการที่ดีที่สุด
เด็กในวัย 5-12 ปีเป็นช่วงสำคัญของเด็กในการเรียนรู้ทักษะชีวิต สมองของเด็กพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทักษะการใช้กล้ามเนื้อพัฒนาอย่างเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่ควรหากิจกรรมให้เด็กได้ปลดปล่อยพลังงานวิ่งเล่น ออกกำลังกาย สังเกตว่าลูกสนใจกีฬาประเภทใดเพื่อให้ลูกได้ออกกำลังกายทุกวัน และบทความนี้จะมาบอกเคล็ลับ การเลี้ยงเด็กยังไงให้มีพัฒนาที่ดีแล้วเร็วที่สุด
1. เลี้ยงจากใจไม่ใช่หน้าที่
การเลี้ยงเด็ก เลี้ยงดูลูกอย่างดีที่สุด อย่างถูกต้อง ต้องเข้าใจว่า ลูกต้องการความรักจากคุณ การเลี้ยงด้วยใจ ไม่ใช่แค่ทำไปตามหน้าที่ และก็ไม่ใช่การตามใจลูกทุกครั้งที่ลูกร้องไห้เช่นกัน สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติในการเลี้ยงเด็ก คือการสอนให้ลูกเข้าใจว่าการร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจ หรือการร้องไห้เพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องการ แบบไหนเหมาะสม และสอนให้เขารู้ว่าไม่ใช่ทุกครั้งที่ลูกร้องไห้แล้วจะได้ทุกอย่างเสมอไป เพื่อให้เขาเข้าใจเหตุผลและไม่เกิดความเครียดได้ค่ะ
2. เลี้ยงลูกด้วยการพูดคุย
ลองจินตนาการดูว่า ลูกคุณถูกเลี้ยงโดยหุ่นยนต์ ไม่มีการพูดการจา ไม่มีการสื่อสารใดๆ ทั้งสิ้น วันๆ ให้เขากินและนอนอย่างเดียว ไม่ได้มอง ไม่ได้เล่น ไม่ได้สมผัส ไม่ได้คิด และพอไม่เกิดสิ่งเหล่านี้สมองก็จะไม่พัฒนาเลย หรือพัฒนาก็ช้ามาก ดังนั้น การเลี้ยงเด็กอย่างได้ผล ให้มีพัฒนาการดี เลี้ยงลูกให้มีสมองที่ฉลาด ให้สื่อสารได้ดี และลดความดื้อ คือการหมั่นพูดคุยกับลูกบ่อยๆ แต่งดการใช้ภาษาแบบเด็ก แต่ต้องพูดเพราะ ด้วยการใช้คำใช้ประโยคที่เข้าใจได้ง่ายๆ ทั่วไป ด้วยความหมายที่เข้าใจได้ทันที เช่น ทานข้าวนะคะ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ: พูดกับลูกโดยใช้ภาษาที่คุณถนัดที่สุด และใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย และอย่าประเมินเรื่องการได้ยิน การเข้าใจภาษาของลูกต่ำไป
3. การเลี้ยงดูลูกด้วยการสัมผัส
การเลี้ยงลูกด้วยสัมผัสจะช่วยกระตุ้นความรู้สึกต่างๆของลูกรวมถึงการเรียนรู้ ทั้งยังมีส่วนช่วยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้นด้วย สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ : พยายามสัมผัสโดยการโอบกอด หอม จับมือ คุณแม่อาจนวดตัวให้ลูกทั่วร่างกายหลังอาบน้ำให้ลูกพร้อมพูดคุยเรื่องต่างๆ ไปด้วยค่ะ
4. เลี้ยงเด็กให้เลียนแบบ
ลูกจะสนใจมองหน้าคุณเป็นพิเศษ เด็กแรกเกิดจะจ้องตาคุณและพยายามเลียนแบบสีหน้าท่าทางของคุณ เช่น การยิ้มหรือการทำหน้าหงุดหงิด สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ : ให้กำลังใจและให้ลูกทำหน้าตาท่าทางเหมือนคุณ เช่น ยิ้ม จ้อง หัวเราะ ทำหน้าดุ แลบลิ้น เพื่อช่วยบริหารใบหน้าลูกด้วย
5. ให้ลูกได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ เองบ้าง
พยายามให้ลูกได้พบเจอและมีส่วนร่วมในสถานการณ์ต่างๆรอบๆตัวเพื่อช่วยเพิ่มทักษะในการเรียนรู้ สิ่งที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง : การปล่อยให้ลูกดูทีวีไปเรื่อยๆ ไม่ใช่สิ่งที่ช่วยเพิ่มพูนทักษะได้ แต่การให้ลูกได้ออกไปพบเจอสิ่งต่างๆในโลกภายนอกที่เป็นของจริงจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดีกว่าค่ะ
6. เลี้ยงเด็กให้หัดสำรวจ
ส่งเสริมให้ลูกเป็นนักสำรวจได้ด้วยการจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม มีพื้นที่เป็นของตัวเองให้ลูกได้ทำกิจกรรมการค้นหา เช่น ห้องนั่งเล่น สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ : ควรวางสิ่งของที่อาจเป็นอันตรายให้ห่างจากลูกมากที่สุด เก็บสายไฟหรือปลั๊กให้พ้นมือลูก และเลือกของเล่นที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับวัยของลูก
7. เลี้ยงเด็กให้รักการอ่าน
เสริมทักษะการอ่านให้ลูกง่ายๆด้วยการอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่วัยเด็ก ลูกอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณเล่า แต่จะรู้สึกสนุกและมีส่วนร่วมกับเสียงหรือท่าทางต่างๆของคุณ และภาพประกอบในหนังสือหรือนิทานนั้น สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ : ให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกหนังสือหรือนิทาน หนังสือนิทานแบบป๊อบอัพหรือแบบที่มีพื้นผิวให้สัมผัส สามารถเรียกความสนใจจากลูกได้
8. ใช้ดนตรีช่วย
การเลี้ยงเด็กให้ฉลาด การร้องเพลงหรือเล่นดนตรีให้ลูกฟังส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของลูกอย่างมาก โดยเฉพาะเพลงที่มีจังหวะสม่ำเสมอ สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ: ลองแต่งเพลงขึ้นใหม่ อาจเป็นเพลงง่ายๆ สบายๆ เนื้อร้องที่สนุกๆ หรือล้อเลียนเพื่อให้คุณและลูกได้มีเวลาแห่งความสนุกร่วมกัน หรือเปิดเพลงเวลาทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เพลงช้าๆเวลาป้อนอาหาร หรือเพลงสนุกๆ เวลาเล่นกับลูก
9. ปล่อยให้ลูกได้เล่น
การเลี้ยงลูกด้วยการปล่อยให้เด็กได้เล่น ให้มีความสนุก นั่นคือสิ่งที่ลูกเรียนรู้ กิจกรรมและการเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ให้กับลูกได้ สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ : ลองใช้อุปกรณ์ที่เน้นด้านกราฟฟิค เช่น การ์ดสีสันต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจและเป็นการฝึกทักษะการเอาใจใส่ไปในตัว และอย่าลืมอธิบายสีและรูปภาพต่างๆ เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้ไปด้วย
10. ใช้คำชมช่วยเลี้ยงลูก
ให้กำลังใจหรือคำชมเชยเมื่อลูกทำสิ่งที่ถูกต้อง และให้ลูกได้เรียนรู้และสำรวจในสิ่งที่เขาชอบ สิ่งที่คุณแม่ควรปฎิบัติ: ให้กำลังใจลูก เช่น “หนูทำได้นะคะ” หรือ “เก่งมากค่ะ” เวลาที่ลูกทำสำเร็จ และใส่ใจในกิจกรรมที่ลูกทำเพื่อให้เขาไม่รู้สึกกังวลและให้รางวัลตอบแทนเป็นบางครั้ง (วิธนี้ไม่เหมาะกับเด็กโตที่เริ่มพูดคุยได้แล้ว เพราะจะทำให้เขาคิดว่า ต้องเก่งเท่านั้น ต้องทำถูกเท่านั้น ถึงจะดี ถึงจะได้คำชม ซึ่งพ่อแม่ควรอย่าลืมว่า ความผิดพลาดต่างหาก ถึงจะเป็นครูสอนลูกได้ดีที่สุด)
Cr.ขอบคุณจ้อมูลดีๆ จาก DMEN ฮาร์ท ทู ฮาร์ท คลับ
หากคุณกำลังมองหาพี่เลี้ยงเด็ก สามารถใช้บริการจากศูนย์จัดหาแม่บ้าน พี่เลี้ยงเด็ก คนงานมีผ่านประสบการณ์เลี้ยงน้องมากอย่างยาวนาน
สนใจใช้บริการติดต่อได้ที่
โทร : 063-104-5657
Line : @masaki2013
แบบไหนดีกว่าระหว่าง แม่บ้านอยู่ประจำ หรือ แม่บ้านรายวัน
แม่บ้านรายวัน กับ แม่บ้านอยู่ประจำ ถ้ามองแค่ภายนอกอาจคิดว่ามีลักษณะงานที่ใกล้เคียงกัน แต่ถ้าศึกษากันดีๆ จะพบว่ามีความแตกต่างกันมาก ทั้งรูปแบบการจ้างงาน และรายละเอียดการทำงาน และสิ่งที่คุณต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแม่บ้านสองรูปแบบนี้มีอะไรบ้าง ตามมาดูในบทความนี้กันเลย
- ซื่อสัตย์สุจริต การจะเป็นแม่บ้านที่ดีนั้น ควรคิดอยู่เสมอว่า เราเป็นบุคคลภายนอกครอบครัวที่เข้ามาทำความสะอาดภายในบ้านของนายจ้าง หากปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตย่อมส่งผลดีต่อความเชื่อใจในระยะยาวได้อย่างแน่นอน
- ขยันขันแข็งในหน้าที่ มีสมาธิในงานที่ต้องทำ แม่บ้านที่ดีต้องใส่ใจทุกรายละเอียดของการทำงานบ้าน เพราะเป็นงานที่ละเอียดอ่อนและจุกจิก ยิ่งใครที่ทำความสะอาดได้ดีและมีความเป็นระเบียบ นายจ้างจะมีความสุขและอยากต้องการจ้างแม่บ้านคนนี้ทำงานต่อไปนานๆ และอาจเพิ่มโอกาสในการเติบโตในสายงานแม่บ้านในอนาคต
- ไม่เอาเรื่องราวในบ้านนายจ้างไปเม้ามอยต่อภายนอก หากนายจ้างรู้ว่าลูกจ้างนำเรื่องราวภายในบ้านไปพูดกับคนอื่นข้างนอกในทางไม่ดี อาจเกิดปัญหาตามมาในระยะยาวได้ เพราะฉะนั้น อย่าไปสนใจกับเรื่องราวของนายจ้างและหันมาสนใจกับการทำงานของเราจะดีกว่า
- หน้าตาเป็นมิตร และยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างอารมณ์ดี นายจ้างทุกคนคงอยากเห็นแม่บ้านมีความสุขกับงานที่ทำผ่านสีหน้า แววตา หรือท่าทาง ดังนั้น หากนายจ้างจะจู้จี้จุกจิกบ้าง อยากให้แม่บ้านมีสติ ระงับอารมณ์ ไม่แสดงสีหน้าท่าทางออกมา และทำตามเป้าหมายในเนื้องานที่ทำ พร้อมพึงระลึกเสมอว่า ไม่มีใครที่อยากร่วมงานกับคนที่มีสีหน้าไม่พอใจตลอดเวลา หากมีปัญหาเรื่องการทำงานจริงๆ ควรปรึกษาแอดมินหรือเซลส์ที่ให้งานคุณ เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
แม่บ้านรายวัน กับ แม่บ้านอยู่ประจำ แตกต่างกันอย่างไร
แม่บ้านรายวันกับแม่บ้านประจำ จะแตกต่างกันตามสถานการณ์การทำงาน และรูปแบบการทำงาน ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้
1. รูปแบบการจ้างงาน และการเดินทางไปบ้านนายจ้าง
อย่างที่ทราบกันว่า การจ้างแม่บ้านรายวัน กับแม่บ้านอยู่ประจำ จะแตกต่างกัน โดยแบบรายวันนั้น จะจ้างกันเป็นช่วงสั้นๆ อาจจะเป็นรายชั่วโมง รายวัน หรือรายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับลักษณะงานของนายจ้างที่อยากให้แม่บ้านทำ ซึ่งนอกจากต้องทำงานให้ได้ตามมาตรฐานของแม่บ้านแล้ว แม่บ้านรายวันเองต้องบริหารจัดการเวลาให้ดีๆ ตั้งแต่การเดินทางไปยังบ้านนายจ้าง จะโหนรถเมล์ นั่งจักรยานยนต์รับจ้าง นั่งรถไฟฟ้า ลงเรือ เดินเข้าซอย ต้องดูว่าบ้านนายจ้างอยู่ที่ใด หากไปผิดนอกจากเสียเวลาแล้ว อาจจะโดนนายจ้างตำหนิได ส่วนการเป็นแม่บ้านรายเดือนจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โดยได้รับมอบหมายงานให้ทำตามแผนงานในแต่ละวันที่ชัดเจน ทำให้มาตรฐานในการทำความสะอาดจะมีประสิทธิภาพตลอดเวลา และนายจ้างสามารถประเมินผลงานได้ตลอดเวลาเช่นกัน
2. ความคุ้นเคย และความไว้วางใจระหว่างนายจ้างกับแม่บ้าน
แม่บ้านที่เข้ามาทำงานบ้านของนายจ้าง เปรียบเสมือนพนักงานบริษัท หรือคนในครอบครัวที่จะเห็นหน้ากันบ่อยจนสนิทสนมกัน หากวัดผลเรื่องความไว้วางใจและความคุ้นเคยภายในบ้าน แม่บ้านอยู่ประจำ ย่อมคุ้นเคยและทำงานโปร่งใสให้นายจ้างสบายใจมากกว่า ส่วนแม่บ้านรายวัน ก็สามารถทำงานให้นายจ้างไว้วางใจได้ดีเช่นกัน แต่จะต้องแจ้งนายจ้างตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนเริ่มงาน ว่า หากจะเข้าออกห้องส่วนตัวเพื่อทำความสะอาด หรือมีของมีค่า ต้องรีบแจ้งนายจ้างทันทีว่า เราเป็นแม่บ้านรายวัน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเรามาทำงาน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับของมีค่าหรือของใช้ส่วนตัวนายจ้าง
3. ทักษะพิเศษของแม่บ้าน
ทักษะพิเศษของแม่บ้านแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เช่น ทำอาหาร การซักรีดผ้า การเลี้ยงเด็ก การดูแลต้อนรับแขก หรือการวางตัวที่ดี สิ่งนี้จะไม่เห็นจากแม่บ้านรายวัน เนื่องจากแม่บ้านกลุ่มนี้มีรูปแบบการจ้างงานที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสให้แสดงทักษะในส่วนนี้ แตกต่างจากแม่บ้านอยู่ประจำ จะมีโอกาสให้นายจ้างได้รู้จักและเห็นว่าแม่บ้านกลุ่มดังกล่าวทำอะไรได้มากมาย เช่น การทำอาหารให้ครอบครัวของนายจ้าง การต้อนรับแขกของนายจ้าง ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตของนายจ้างสะดวกสบายมากขึ้น
4. ค่าใช้จ่ายในการหาแม่บ้าน
การจัดหาแม่บ้านรายวัน กับแม่บ้านอยู่ประจำ จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขต่างๆ เช่น สัญชาติ อายุ ประสบการณ์การทำงาน ทักษะพิเศษ รูปแบบการจ้างงานที่อาจจะจ้างเป็นงานๆ ไป หรือ จ้างให้ดูแลบ้านเป็นแม่บ้านรายเดือน เป็นต้น ซึ่งแม้ว่าหากนับเป็นเงินก้อนรายเดือน แม่บ้านอยู่ประจำจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า แต่ถ้าเทียบกับปริมาณของงานแม่บ้านรายวันจะสูงกว่า
5. มาตรฐานการทำงานของแม่บ้าน
หากพิจารณามาตรฐานการทำงานของแม่บ้านแล้ว แม่บ้านรายวัน โดยเฉพาะคนที่ไม่มีสังกัดบริษัทจัดหางาน จะมีรูปแบบการทำงาน หรือมาตรฐานการทำงานที่แตกต่างจากแม่บ้านอยู่ประจำ เมื่อพิจารณาผลงานการดูแลความสะอาดภายในบ้านจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับนายจ้างในแต่ละครั้งซึ่งจะมีทั้งถูกใจและไม่ถูกใจ ทำให้นายจ้างบางคนตัดสินใจหาแม่บ้านประจำผ่านศูนย์จัดหาแม่บ้านที่เชื่อถือได้ เพราะนอกจากจะการันตีในเรื่องของความเป็นมืออาชีพแล้ว แม่บ้านที่สังกัดบริษัทจัดหางานจะต้องผ่านการตรวจสอบประวัติ ผ่านการฝึกอบรมทางทฤษฎีและทางปฏิบัติ รวมทั้งผ่านการทดลองงานจริง จึงมั่นใจได้ว่าแม่บ้านที่จ้างไปนั้นคุณภาพคุ้มราคาอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ รูปแบบการทำงาน และการจ้างของแม่บ้านรายวันกับ แม่บ้านอยู่ประจำ จะมีความแตกต่างกัน ทำให้นายจ้างมีตัวเลือกมากขึ้นว่าต้องการจ้างแม่บ้านรูปแบบใดเพื่อให้คุ้มค่าปริมาณงานกับงบประมาณที่เสียไป รวมทั้งความสะดวกในรูปแบบต่างๆ ที่นายจ้างต้องนำมาเปรียบเทียบกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่แม่บ้านควรตระหนัก คือ ต้องเตรียมความพร้อมอยู่เสมอทั้งในเรื่องความรู้ความเข้าใจในวิชาชีพ และประสบการณ์การทำงานที่สามารถทำให้นายจ้างประทับใจได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่แม่บ้านทั้งสองรูปแบบ ต้องทำคือ ตั้งใจทำงานอย่างมีคุณภาพ รักษามารยาท และให้เกียรตินายจ้างอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แม่บ้านได้มีงานทำและสร้างรายได้ไปนานๆ และหากใครที่ต้องการหางานแม่บ้านอย่างมีคุณภาพ มองหาศูนย์จัดหาแม่บ้านที่มีความน่าเชื่อถือ และมีการอบรมทักษะอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญ ควรรักษาจรรยาบรรณในวิชาชีพอย่างเคร่งครัด เพื่อให้งานแม่บ้านเป็นงานที่ใช่สำหรับคุณ
Cr. ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก Kiidu
5 บริการทำความสะอาดบ้านที่นิยม
1. บริการทำความสะอาดทั่วไป
บริการนี้นับว่าเป็นบริการทำความสะอาดมาตรฐานที่ต้องมี โดยเป็นการทำความสะอาดทั่วไปภายในอาคาร เช่น การถูพื้น เช็ดทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ ประตูและหน้าต่าง เป็นต้น ที่อาจจะนับการให้บริการเป็นแบบ “รายครั้ง” และมีการกำจัดพื้นที่ในการทำความสะอาด หรือเป็นบริการทำความสะอาดที่คำนวณราคาตามขนาดพื้นที่หน้างาน และจะมีพนักงานทำความสะอาดเข้ามาทำความสะอาดให้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งจะมีพนักงานเข้ามาทำความสะอาดในจำนวนไม่มากนักหรือตามขนาดของพื้นที่
2. บริการแม่บ้านประจำ รายวัน รายเดือน
เป็นหนึ่งในบริการที่บริษัทหรือองค์กรที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สำนักงานหรือออฟฟิศให้เช่าเล็กๆ มักเลือกใช้งานกัน เพื่อให้พื้นที่ทำงานสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ทำให้พนักงานออฟฟิศสามารถเข้ามาทำงานได้อย่างเต็มที่ หมดกังวลเรื่องสิ่งสกปรกได้นั่นเอง โดยขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างบริษัททําความสะอาดกับผู้ใช้บริการ บริการแม่บ้านอาจเป็นบริการแบบรายวัน แม่บ้านรายเดือน หรือบริการแม่บ้านอยู่ประจำ ระยะยาว และเริ่มต้นที่จำนวนแม่บ้าน 1 คนในการเข้ามาทำความสะอาด หากต้องการแม่บ้านเพิ่มก็อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
โดยส่วนใหญ่แล้ว บริการแม่บ้านมักจะมีขอบเขตการทำงานที่มากกว่า โดยนอกจากการกวาดและถูพื้นหรือเช็ดฝุ่นเฟอร์นิเจอร์แล้ว อาจรวมไปถึงการจัดเก็บชั้นวางสิ่งของ ทำความสะอาดพื้นที่ครัว รวมถึงเช็ดประตูและกระจกต่างๆ นอกจากนี้ การจ้างแม่บ้านจากบริษัททําความสะอาดยังมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยต่อทรัพย์สินมากกว่าการจ้างแม่บ้านบุคคล ได้แม่บ้านที่เป็นมืออาชีพ และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว
3. บริการทำความสะอาดใหญ่ (Big Cleaning)
Big Cleaning หรือการทำความสะอาดครั้งใหญ่ มักจะเป็นการให้บริการทำความสะอาดที่ทีมงานพนักงานผู้มีความเชี่ยวชาญจำนวน 5-6 คนหรือมากกว่านั้น พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดเฉพาะทางเข้ามาดูแลทำความสะอาดพื้นที่ อาทิ เครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรม เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง หรือเครื่องขัดพื้น เป็นต้น โดยจะเป็นการดูแลและเก็บรายละเอียดทำความสะอาดทุกห้องและทุกซอกทุกมุมของบ้านหรืออาคารนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นพื้น กำแพง เพดาน ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้และเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นภายในบ้านที่สามารถทำได้
โดยทั่วไป บริการทำความสะอาดประเภทนี้มักจะใช้เมื่อเจ้าของบ้าน อาคาร หรือสถานที่ต่างๆ ต้องการทำความสะอาดแบบหมดจนในทุกซอกทุกมุม เช่น หลังจากปลูกบ้านเสร็จ เพื่อขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกที่หลงเหลือ บ้านที่พึ่งย้ายเข้าหรือย้ายออก อาคารที่ไม่ได้ทำความสะอาดมานาน หรือทำความสะอาดเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับจัดงาน ด้วยความละเอียดของงานทำความสะอาด จึงทำให้มีราคาที่สูงกว่าบริการทำความสะอาดอื่นๆ แต่ก็คุ้มค่าอย่างมากเลยทีเดียว
4. บริการจัดการดูแลสวน
ใครที่มีบ้านอยู่ในโครงการหมู่บ้านจัดสรรคงอาจเคยเห็นพนักงานเข้ามาทำความสะอาด รดน้ำต้นไม้ ตัดไม้ และดูแลสวนโดยรวมแบบเป็นระยะๆ ซึ่งบริการจัดการดูแลสวนนั้นก็เป็นหนึ่งในบริการทำความสะอาดบ้านที่เป็นที่นิยม แม้จะไม่เป็นที่รู้จักในระดับครัวเรือน แต่หมู่บ้าน คอนโด หรือพื้นที่สำนักงานที่มีสวนขนาดใหญ่มักเข้าใช้บริการนี้อยู่เป็นประจำ แต่หากเจ้าของบ้านท่านใดที่มีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ ก็สามารถใช้บริการนี้ได้เช่นกัน โดยบริการจัดการดูแลสวนครอบคลุมตั้งแต่การดูแลต้นไม้ ตัดหญ้า ตัดแต่งต้นไม้ รวมไปถึงขนย้ายทิ้ง ส่วนค่าบริการนั้นจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ทางบริษัทประเมิน
5. บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อ
ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันบ้านและสถานที่จากเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆ มากขึ้น บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อไวรัสจึงเป็นหนึ่งในบริการทำความสะอาดที่หลายคนรู้จักและอาจเคยใช้บริการ เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในพื้นที่ปิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยและสัตว์เลี้ยง โดยบริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อนั้นจะอาศัย “เครื่องพ่นฝอยละอองละเอียด” ในการกระจายผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อในพื้นที่ปิด ในด้านของราคาค่าบริการก็จะถูกคำนวณตามขนาดพื้นที่เช่นเดียวกับบริการทำความสะอาดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม หากท่านใดต้องการใช้บริการนี้ ควรตรวจสอบบริษัททำความสะอาดนั้นๆ ว่ามีความเชี่ยวชาญ มีมาตรฐานรองรับ ใช้งานเครื่องพ่นละอองที่มีประสิทธิภาพและผลิตภัณฑ์ที่สามารถฆ่าเชื้อได้จริง
” ทั้ง 5 บริการทำความสะอาดนี้เป็นที่ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังมีบริการในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ การโรยตัวเช็ดกระจกตึกสูง การซักพรม โซฟา ผ้าม่าน และบริการอื่นๆ ที่บริษัททําความสะอาดแต่ละแห่งนำเสนอ “
Cr.Carecleans